ห้องครัวสวยๆ ส่วนใหญ่มักจะเป็นห้องครัวที่มีความสวยงามด้วยการวางตู้เก็บของเพื่อให้จัดวางสิ่งของที่เป็นระเบียบ ช่วยให้หยิบจับอุปกรณ์ทำอาหารได้ง่ายมากขึ้น และยังช่วยให้ห้องครัวดูมีเอกลักษณ์ โดดเด่นสะดุดตาให้แขกที่เข้าออกบ้านรู้สึกชื่นชม เหมาะสำหรับคนที่รักการทำอาหารอย่างที่สุด
“ตู้เก็บของ”จัดระเบียบเก็บของในครัว เพิ่มที่เก็บของด้วยวิธีง่ายๆ
โดยปกติแล้วห้องครัวมักจะเป็นห้องที่ “รก” ง่ายที่สุด เนื่องจากเป็นห้องที่ต้องวางอุปกรณ์-วัสดุมากมาย ทั้งจาน-ชาม, ช้อน-ส้อม, หม้อ-กระทะ, แก้วน้ำ, แก้วกาแฟ, อุปกรณ์เครื่องครัว และเครื่องปรุง นอกจากนี้ยังทำให้สกปรกง่าย เพราะว่าต้องเปื้อนน้ำมันจากการทำอาหาร ไอร้อนต่างๆ ที่ทำให้ห้องครัวเก่าเร็ว จากนั้นห้องครัวก็จะกลายเป็นส่วนของห้องที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยกล้าให้แขกเห็นมากนัก และหากทำความสะอาดไม่ดีก็อาจจะกลายเป็นส่วนที่สะสมเชื้อโรคดึงดูดทั้งมด แมลง และแมลงสาบอีกด้วย
ดังนั้นหากต้องการให้ห้องครัวสวยงาม สะอาด ทำความสะอาดง่ายจึงควรมีไอเท็มดีๆ อย่าง “ตู้เก็บของในครัว” เป็นตัวช่วยให้ห้องครัวมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สวยงาม ดังนั้นการติดตั้งตู้เก็บของในครัวจึงตอบโจทย์ที่สุดค่ะ
ประโยชน์ของที่เก็บของในครัว
- – ช่วยประหยัดพื้นที่ใช้สอย
- – ช่วยให้ห้องครัวเป็นระเบียน สวยงาม สบายตา
- – ช่วยให้เก็บของได้มากขึ้น
- ช่วยรักษาความสะอาด เนื่องจากสามารถเก็บอุปกรณ์จำพวกอาหารแห้ง เครื่องปรุงรสให้ห่างไกลจากมด แมลง และแมลงสาบ สาเหตุของเชื้อโรค
ประเภทของตู้เก็บของในครัว
เพราะตู้จัดของสำหรับเก็บของในครัวนั้นมีทั้งแบบติดผนังและแบบติดตั้งบนพื้น แต่ละแบบก็มีฟังก์ชันการใช้งานที่แตกต่างกัน ดังต่อไปนี้
1. ตู้ติดผนังห้องครัว
สำหรับตู้เก็บของแบบตู้แขวนชุดครัว ส่วนใหญ่มักจะติดตั้งบริเวณบนผนังเคาน์เตอร์ประกอบอาหาร มักจะต้องมีการเจาะผนังเพื่อยิงสกรูยึดตัวแขวนตู้ ใช้เป็นตู้เก็บของในครัวสำเร็จรูปได้หลากหลาย ทั้งอุปกรณ์เครื่องครัว จานชาม ช้อนส้อม และอาหารแห้ง สามารถติดตั้งได้ทั้งห้องครัวที่มีพื้นที่เล็กๆ และทั้งห้องครัวใหญ่ แต่หากเป็นห้องครัวขนาดเล็กแนะนำให้หลีกเลี่ยงตู้ติดผนังแบบมีบานเปิด-ปิด แต่ควรใช้บานแบบเปิดบานสไลด์ หรือแบบเปิดขึ้นด้านบนจะดีที่สุด
ข้อดีของชุดแขวนตู้ครัว
- – เหมาะสำหรับห้องครัวขนาดเล็กๆ หรือ ห้องครัวบนคอนโดเนื่องจากช่วยประหยัดพื้นที่
- – ช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้สอย เพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บอุปกรณ์เครื่องครัว และเครื่องปรุง
- – ช่วยให้ห้องครัวดูสวยงามเป็นระเบียบ
ข้อควรระวังในการเลือกชั้นติดผนัง หรือ ชั้นเก็บของติดผนังในครัว
ควรคำนวณพื้นที่ให้ดีก่อนทำการติดตั้ง ไม่ควรเลือกขนาดตู้ที่มีขนาดใหญ่เกินไป เพราะขนาดห้องครัวเล็กหากเลือกตู้ลอยห้องครัวขนาดใหญ่ อาจจะทำให้ห้องครัวดูอึดอัด คับแคบ ไม่สบายตา
2. ตู้เก็บของแบบชั้นลอย
สำหรับตู้เก็บของแบบชั้นลอย จะมีลักษณะของตู้เก็บของแบบเปิดโล่ง สามารถมองเห็นด้วยสายตาและหยิบจับใช้งานง่าย นิยมใช้วางอุปกรณ์ทำครัว เครื่องปรุง เครื่องเทศ ทำจากวัสดุหลากหลายชนิด เช่น ชั้นไม้ลามิเนต ชั้นราวเหล็ก และราวสเตนเลส สามารถติดตั้งได้เองหรือเรียกช่างก็ได้
ข้อดีของตู้เก็บของแบบชั้นลอย
- สามารถวางของใช้ เครื่องครัว เครื่องปรุง เครื่องเทศ ฯลฯ ได้หลากหลายชนิด
- หยิบใช้งานง่าย
ข้อควรระวังหากเลือกใช้ตู้เก็บของแบบชั้นลอย
- ไม่ควรวางของที่มีน้ำหนักเยอะจนเกินไปเพราะตู้เก็บของแบบชั้นลอยมักจะรับน้ำหนักได้ไม่ดีเท่ากับตู้เก็บของติดผนัง
- ไม่ป้องกันแมลง มด และแมลงสาบ
- ต้องทำความสะอาดบ่อยๆ เพราะไม่กันฝุ่น ทำให้สกปรกง่าย
3. ตู้เก็บของในครัวแบบติดตั้งบนพื้น
ชุดเก็บของเครื่องครัวแบบติดตั้งบนพื้นนั้นมีให้เลือกหลายแบบทั้งแบบที่ติดตั้งเป็นตู้ขนาดใหญ่ หรือทำเป็นซ่อนพรางสายตาไว้ในเคาน์เตอร์ชุดครัว ซึ่งไม่ว่าจะเป็นแบบชุดเก็บของหรือชั้นเก็บของในเคาน์เตอร์ ก็ต่างช่วยให้ห้องครัวสวยงาม และเป็นระเบียนทั้งสิ้น
ข้อดีของ ตู้เก็บของในครัวแบบติดตั้งบนพื้น
- – ช่วยให้ห้องครัวสวยงาม เพิ่มพื้นที่จัดเก็บได้ดี
- – สามารถหยิบใช้อุปกรณ์เครื่องครัวง่าย ไม่ต้องหยิบจากด้านบน ซึ่งอาจจะไม่สะดวกกับผู้ใช้งานที่เป็นเด็ก และผู้สูงอายุ
- – สามารถตกแต่งห้องครัวได้หลากหลายแบบ
ข้อควรระวังในการเลือกตู้เก็บของในครัวแบบติดตั้งพื้น
การติดตั้งตู้เก็บของชนิดนี้ เหมาะสำหรับห้องครัวที่มีขนาดใหญ่ มีพื้นที่ใช้สอยเยอะๆ และอาจจะไม่เหมาะกับห้องครัวขนาดเล็ก
วิธีการติดตั้งตู้แขวนหรือตู้เก็บของในห้องครัวด้วยตัวเองต้องทำอย่างไร?
การติดตั้งตู้เก็บของด้วยตัวเองสามารถทำได้หลายวิธี ดังนี้
- – ใช้อุปกรณ์วัดระดับน้ำระนาบกับผนังก่อนติดตั้งเพื่อให้ตู้เก็บของตรงไม่เบี้ยวเอียง
- – ใช้สว่านเจาะติดสกรูให้ยึดตู้แขวนกับผนัง
- – ทดสอบความแข็งแรง หากดูแล้วไม่แข็งแรงสามารถติดสกรูเพิ่มได้
วิธีด้านบนเป็นเพียงวิธีเบื้องต้นเท่านั้น แต่ทางที่ดีเพื่อความแข็งแรง ใช้งานได้นาน และวัสดุตู้เก็บของแต่ละชนิดจะผลิตจากวัสดุไม่เท่ากัน ดังนั้นควรให้ช่วงที่มีความเชี่ยวชาญมาติดตั้งให้จะดีที่สุด
ระยะการติดตั้งตู้แขวน ควรจะติดสูงเท่าไร
โดยปกติแล้วจะจะกำหนดมาตรฐานอยู่ตามความสูงของผู้ใช้งาน ดังนี้
- หากมีส่วนสูง 150-160 ซม. ควรติดตั้งที่ความสูง 170 ซม. จากระดับพื้น
- หากมีส่วนสูง 165-180 ซม. ควรติดตั้งที่ความสูง 190 ซม. จากระดับพื้น
- หากมีส่วนสูง 185 ซม. ขึ้นไป ควรติดตั้งที่ความสูง 200-210 ซม. จากระดับพื้น