สิ่งที่ทุกบ้านต่างให้ความสำคัญกับห้องครัวที่นอกจากจะต้องสวยงาม ใช้งานง่าย การต่อเติมห้องครัวก็มักจะเกิดขึ้นเมื่อมีสมาชิกในบ้านเพิ่มขึ้น ยิ่งสมาชิกในบ้านเยอะเท่าไร ขนาดของห้องครัวก็ต้องยิ่งมีขนาดเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นการต่อเติมห้องครัวจึงเป็นยิ่งที่เพียงหลีกเลี่ยงไม่ได้ และบริเวณที่หลายคนมักจะเลือกใช้ในการต่อเติมก็คือครัวหลังบ้านนั่นเอง วันนี้เราจึงมีไอเดียการต่อเติมครัวหลังบ้านสวยๆ และกฎหมายต่อเติมบ้านอย่างไรไม่ให้ผิดกฎหมายมาให้ฟังกัน
ครัวในบ้าน VS ครัวหลังบ้าน ต่างกันอย่างไร
โดยทั่วไปแล้วเวลาที่เราซื้อบ้าน ทาวน์โฮม ทาวน์เฮ้าส์ หรือแม้แต่คอนโดมิเนียม ห้องชุดต่างๆ มักจะมีส่วนของห้องครัวที่สร้างไว้อยู่แล้ว ห้องครัวแบบนั้นจะเรียกว่า “ห้องครัวแบบแบ่งส่วน” ก็คือห้องครัวแบบปิดทึบที่แบ่งออกจากพื้นที่ใช้สอยเดิมมีอยู่แล้วภายในบ้าน สามารถประกอบอาหารได้ ซึ่งก็ตอบโจทย์เรื่องของความสะดวกในการใช้งาน เพราะไม่ต้องเดินออกไปไกล สามารถปรุงอาหารได้เลย แต่ข้อเสียของห้องครัวแบบแบ่งส่วนคือ มีพื้นที่จำกัด ต่อเติมใหม่ยากเพราะอยู่ในบ้านอยู่แล้ว ถ้าต้องขยายก็ต้องย้ายออกไปห้องอื่นที่มีพื้นที่มากกว่าหรือย้ายไปบริเวณอื่นของบ้านเลย และปัญหาเรื่องของกลิ่นอาหารที่อาจจะติดอยู่ในบ้าน ซึ่งสามารถลดได้คือเจาะช่องระบายอากาศกับติดตั้งเครื่องดูดควัน
ส่วนครัวหลังบ้าน ส่วนใหญ่มักจะเป็นครัวที่ต่อขยายออกมาจากห้องครัวหลักที่อยู่ในบ้าน ซึ่งโดยทั่วไปแล้วในบ้านที่มีบริเวณหลังบ้านเพิ่มเติมมักนิยมต่อเติมครัวหลังบ้านไว้เพื่อใช้ประกอบอาหารที่มีกลิ่นแรงๆ เพื่อป้องกันกลิ่นไม่ให้ติดในบ้านอีกหนึ่งกรณีที่ต่อเติมเพิ่มก็คือ ที่บ้านมีสมาชิกเพิ่ม แต่ข้อเสียของการต่อเติมครัวหลังบ้านคือ ต้องเสียค่าใช้งานเยอะ เพราะเหมือนเป็นการต่อเติมบ้านใหม่ ซึ่งค่าใช้จ่ายจะมากหรือน้อยก็จะขึ้นอยู่กับลักษณะของครัวที่เลือกออกแบบ
ลักษณะของครัวหลังบ้านที่นิยมออกแบบ
ครัวหลังบ้านมักต่อเติมเป็น 2 ลักษณะคือ
ครัวหลังบ้านแบบปิด
หมายถึงการต่อเติมขยายครัวบริเวณหลังบ้านในลักษณะแบบปิดทึบทั้ง 4 บ้านรวมถึงปิดด้วยหลังคาปิดทั้งหมดจนเป็นเหมือนส่วนต่อขยายส่วนหนึ่งของบ้าน ข้อดีของครัวแบบปิดทั้งหมดก็คือ เจ้าของบ้านสามารถออกแบบได้ตามที่ต้องการ ชอบครัวแบบไหนก็สามารถออกแบบได้ตามใจ เก็บกลิ่นอาหารได้ดี ไม่รบกวนเพื่อนบ้าน แต่ถ้าป้องกันไม่ให้กลิ่นติดเข้าไปในตัวบ้านแนะนำให้สร้างประตูปิดให้มิดชิดเพื่อแยกส่วนห้องครัวกับพื้นที่ใช้สอยอื่นๆ ของบ้านให้ชัดเจน และหากไม่ต้องการให้ปิดทึบเกินไปจนอึดอัดอาจจะติดเป็นกระจกแทนเพื่อจะได้มองเห็นวิวสวนข้างบ้านได้
ครัวหลังบ้านแบบเปิด
>หรือเรียกอีกชื่อว่า “ครัวหลังบ้านแบบโปร่ง” คือ การต่อเติมบริเวณหลังบ้านให้เป็นห้องครัวแต่ไม่ปูปิดผนังทึบทั้งหมด อาจจะออกแบบเป็นผนังแบบครึ่งแผ่น หรือ ติดไม้ระแนงก็ได้ ข้อดีของห้องครัวหลังบ้านแบบเปิดก็คือสามารถระบายอากาศได้ดี ไม่มีปัญหากลิ่นอับเวลาทำอาหารกลิ่นแรงๆ ใช้เวลาต่อเติมไม่นานและประหยัดงบกว่าแบบปิดทึบทั้งหมด แต่ข้อเสียที่ต้องระวังคือ ต้องระวังเรื่องกลิ่นอาหารที่อาจจะรบกวนเพื่อนบ้าน ต้องรักษาความสะอาดมากๆ เพราะสัตว์กวนใจ เช่น พวกมด หนู แมลงสาบเข้ามาง่าย และยังต้องระมัดระวังเรื่องฝุ่น ละอองฝนที่อาจจะสาดเข้ามาทำให้เครื่องครัวเสียหายได้ง่าย
ก่อนต่อเติมครัวหลังบ้านต้องทำอย่างไร
เพราะการต่อเติมครัวหลังบ้านนั้นไม่ว่าจะเป็นครัวขนาดเล็กหรือครัวขนาดใหญ่ก็เป็นสิ่งสำคัญ เจ้าของบ้านควรให้ความสำคัญกับปัจจัยเหล่านี้
1. ติดต่อช่างผู้เชี่ยวชาญ
เพราะการต่อเติมบ้านนั้นจะมากจะน้อยก็มีผลต่อโครงสร้างบ้าน ไม่ควรใจร้อนรีบต่อเติมโดยไม่ปรึกษาช่าง เพราะอาจจะส่งผลต่อโครงสร้างบ้านโดยรวมหรือ ที่ดินบริเวณบ้านได้ ดังนั้นก่อนสร้างต้องปรึกษาช่างผู้เชี่ยวชาญก่อนเพื่อให้มาดูพื้นที่รอบๆ บ้านในบริเวณที่จะต่อเติมว่าเหมาะสมหรือไม่ ? และโครงสร้างเดิมเหมาะสำหรับต่อเติมหรือเปล่า เพื่อความปลอดภัยในทรัพย์สินและความปลอดภัยในอนาคตของคนในบ้าน
2. กำหนดงบประมาณให้ดี
การต่อเติมครัวหลังบ้านนั้น งบประมาณมักจะเริ่มต้นอยู่ที่ 5,000-10,000 บาทขึ้นอยู่กับประเภทการออกแบบว่าเป็นครัวเปิดหรือปิด ขนาดใหญ่แค่ไหนและใช้วัสดุอะไรในการก่อสร้าง เจ้าของบ้านควรตั้งงบประมาณในใจให้ดี และมีรูปแบบที่ต้องการชัดเจนเพื่อจะได้บอกความต้องการของตัวเองให้ช่างผู้รับเหมาคำนวณและประเมินค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้อย่างเหมาะสม
3. แจ้งเพื่อนบ้าน
เพราะการต่อเติมนั้นจำเป็นต้องใช้เวลานาน ซึ่งระหว่างการก่อสร้างอาจจะส่งมลภาวะทางอากาศและมลภาวะเสียงที่รบกวนเพื่อนบ้านเช่น ฝุ่นจากการก่อสร้างและเสียงของเครื่องจักร เพื่อป้องกันปัญหาการผิดใจกันของเพื่อนบ้านในอนาคต ควรบอกกล่าวเพื่อนบ้านก่อน และนอกจากนี้ในบางกรณีที่การต่อเติมครัวของคุณนั้นอาจจะต้องต่อเติมจนชิดแนวรั่ว หรือต้องต่อเติมครัวหลังบ้านติดกำแพงตามกฎหมายนั้นจำเป็นต้องได้รับรับความยินยอมจากเพื่อนบ้านแบบชัดเจนและลงเป็นลายลักษณ์อักษรก่อนทำการก่อสร้างไม่เช่นนั้นจะถือว่าทำผิด
ครัวหลังบ้านทำแบบครัวไทยหลังบ้านหรือต่อเติมครัวหลังบ้านโมเดิร์นแบบฝรั่งดีกว่ากัน
ครัวไทยกับครัวโมเดิร์นนั้นจะมีคุณสมบัติหลักคือใช้สำหรับปรุงอาหารเหมือนกันทั้งคู่ แต่ลักษณะของการปรุงอาหารของครัวทั้งสองแบบมีความแตกต่างกันตรงที่ครัวไทยจะถูกออกแบบให้อุปกรณ์การใช้งานจนไปถึงเคาน์เตอร์ครัวนั้นมีความแข็งแรงมากกว่า เพราะอาหารไทยนั้นประกอบทั้งต้ม ผัด แกง อาหารที่ต้องใช้แรงเช่น ตำเครื่องแกง ตำน้ำพริก การสับเนื้อ การโขลกเครื่องปรุง ทุบส่วนผสม ซึ่งหากเป็นครัวแบบฝรั่งนั้นจะไม่ถูกออกแบบให้รองรับแรงกระแทกได้เยอะ ทำให้อายุการใช้งานต่ำ
นอกจากนี้อาหารไทยยังเป็นอาหารที่เต็มไปด้วยเครื่องเทศมากมาย มีกลิ่นที่แรงกว่าทำให้เหมาะที่จะนำไปปรุงนอกบ้านเพื่อลดกลิ่นอาหารติดบ้าน ดังนั้นหากถามว่าครัวหลังบ้านนั้นเหมาะสำหรับครัวไทยมากกว่าครัวโมเดิร์นแบบฝรั่ง แต่สำหรับใครที่ชื่นชอบความสวยงามสะอาดตาของครัวแบบฝรั่งมากกว่า แนะนำให้เลือกเคาน์เตอร์ที่มีความแข็งแรงสูง ทนทานต่อการใช้งานและทนแรงกระแทกได้ดี ก็จะช่วยให้สามารถนำไปออกแบบจัดวางครัวไทยแบบเดิมๆ ให้สวยอินเตอร์ได้ในสไตล์โมเดิร์นได้ไม่ยาก
FAQ
ต่อเติมครัวต้องขออนุญาตไหม
ตามข้อกฎหมายแล้วจะมีการกำหนดว่า การต่อเติมบ้านเล็กๆ น้อยๆ นั้นไม่จำเป็นต้องแจ้งเจ้าพนักงานท้องถิ่น แต่ถ้าเป็นการต่อเติมใหญ่ต้องแจ้งทุกครั้ง
การต่อเติมครัวหลังบ้านยังไงไม่ให้ผิดกฎหมาย
มีการกำหนดไว้ว่าต้องแจ้งหากเป็นการต่อเติมในเงื่อนไขต่อไปนี้
- การก่อสร้างที่เพิ่ม / ลด จำนวนพื้นที่ใช้สอยมากกว่า 5 ตารางเมตรขึ้นไป ต้องแจ้งกับพนักงานท้องถิ่น โดยในการออกเอกสารขออนุญาตจะต้องมีการลงลายมือชื่อของสถาปนิก หรือ วิศวกร ที่มีใบอนุญาตถูกต้องรับรองด้วย
- การต่อเติมส่วนที่เป็นเสา คาน ทำห้องใหม่ ในกรณีที่เพิ่มพื้นที่ใช้สอยเกิน 5 ตารางเมตร ต้องขออนุญาตทั้งหมด
- การต่อเติมที่มีระยะร่นชิดกับเพื่อนบ้านข้างอนุญาตจากเพื่อนบ้านทั้งหมด และต้องมีหนังสือยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรเท่านั้น
แจ้งต่อเติมบ้าน ต่อเติมห้องครัวหลังบ้านต้องแจ้งใคร
ต้องแจ้งเจ้าพนักงานท้องถิ่น เช่น นายกเทศมนตรี, นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด, ประธานกรรมการบริหารองค์การบริหารส่วนตำบล, ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, นายกเมืองพัทยา, ผู้บริหารท้องถิ่นองค์กรปกครองท้องถิ่นอื่นที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด ในเขตองค์กรส่วนท้องถิ่นนั้น ซึ่งทั้งหมดนี้จะขึ้นอยู่กับว่าพื้นที่ๆ อาศัยและต่อเติมบ้านนั้นอยู่ในเขตพื้นที่การปกครองใด